วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวนารา Nara ดูกวาง ชมวัดพระใหญ่ โทไดจิ Todaiji หอไดบุทสึ Daibutsuden

เป้าหมายของเราในวันนี้คือเที่ยววัดโทไดจิ เมืองนารา ( Todaiji - Nara)  ซึ่งหอไดบุทสึ (Daibutsuden) บันทึกว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาถึงสถานีนาราประมาณบ่ายโมง เดินผ่านนกพิราบ เราหยุดพักเพื่อหาพิกัดว่าเราอยู่ตรงไหน พวกนกพิราบวิ่งดิ่งกันมา โถลูกนกลูกกา มันคงหิว แต่เราไม่มีอะไรติดกระเป๋า โบกมือบ้ายบายแล้วก็พากันเดินออกมาตามหาที่พัก


  เดินหาที่พักเป็นลักษณะบ้านโนบิตะ  ที่พักยังไม่ให้เข้าพักแต่ฝากกระเป๋าไว้ได้ ไปถึงหน้าบ้านก็ไม่กล้าเข้าไปเคาะ งุ้งงิ้ง งุ้งงิ้งกันอยู่สองคน เจ้าของเลยเปิดประตูออกมา  ไม่งั้นได้ยืนอยู่หน้าประตูยังไม่รู้จะเอายังไงกะกระเป๋า เค้าบอกว่าให้มาอีกทีตอนบ่าย 3 โมงนะ แต่ให้ฝากกระเป๋าไว้ก่อนได้ เราก็โอเค สบายใจวางกระเป๋าไว้ในบ้านละ


เดินออกมาหากาแฟทาน เราได้เค็กครีมข้างบนน่าจะเป็นลูกพีช อร่อยชื่นใจ เดินเล่นอีกหน่อยไปที่ Nara Park  


เดินออกมาสำรวจทางเจอสิ่งก่อสร้างสวยงาม ถ่าย ถ่าย ๆ  เจอกวาง ถ่าย ถ่าย 


ปรากฎว่าแบ็ตกล้องหมด ได้เวลาบ่ายสามโมงเลยเลยเดินกลับไปที่พัก ไปชาร์ตพลัง เอนหลังซักงีบ เย็นนี้ค่อยออกมาลั่นล้าต่อ 


แอบส่องสาว ๆ หนุ่ม ๆ  เค้าใส่ชุดญี่ปุ่นน่ารักสวยงามดี เหมือนว่าจะมีเทศกาลอะไรซักอย่าง  อยากให้ไทยออกแบบชุดประจำชาติที่สวยงามที่สามารถใช้ได้บ่อย ๆ ตามที่ต้องการแบบนี้บ้างนะ หรือรณรงค์ให้แต่งไทยทั้งเมืองตามเทศกาลก็ดีไม่น้อย 


เย็นได้ที่เราก็ออกไปหาอะไรทานเย็นนี้ได้กิน ชุดปลาไหลย่างอร่อยที่สุด แต่รูปหายไปไหน เดี๋ยวมาลงอีกรอบ สั่งเป็นชุดที่ถูกใจ อิ่ม อร่อย 


ตอนเย็นกลับมานอน ถ่ายบ้านที่นอนคืนนี้ นี่หล่ะบ้านโนบิตะ  เหมือนมั้ย ^ ^ 


ตอนเช้าตื่น อาบน้ำแต่งตัวเราก็ Check Out เอากระเป๋าไปไว้ที่สถานี แล้วออกตะลุยนารากันอีกครั้ง 


ออกมาแต่เช้าชาวบ้านก็ยังไม่ออกบ้าน เราก็สบายถ่ายรูปดอกไม้ต้นไม้ บ้านเมือง ศาลเจ้าริมทาง 


รถขยะทำหน้าที่ เจอสัญลักษณ์กวางน้อย เหมือนเราจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก ๆ พอเห็นเรามันก็เดินมาหาทีเดียว ขอหนูกินหน๋มหน่อยถ้าพูดได้ มันก็น่าจะพูดแบบนี้แหล่ะนะ 


เจอทางเข้าด้านหน้า เค้าเรียกซุ้มประตูนันไดมง (Nandaimon-gate) มีเสารองรับน้ำหนักหลังคาที่เก่าแก่ถึง 18 ต้นใหญ่โตจริง มียักษ์เฝ้าอยู่

เดินเข้าไปในวัดเสียค่าเข้าด้วย คนละ 500 เยน จึงสามารถเข้าไปข้างในได้  พระกำลังสวดมนต์อยู่ ได้ยินเสียงป้าคนไทยเสียงดังมาก บอกหลานเค้าว่าจะเข้ามาทางนี้นะและก็ชวน  เราก็อายจังรีบเดินเลี่ยงไป กลัวเค้าจะหาว่ามาด้วยกัน  นี่ขนาดมาแต่เช้า นักท่องเที่ยวคนอื่นก็มาเช้าเหมือนกัน ส่วนใหญ่สถานที่ที่เข้าเยี่ยมชมเสียงตังจะเปิด 9 โมงเช้า  ^ ^  




ก่อนเข้าวัดก็มีการล้างมือตามธรรมเนียมที่จะเข้าที่บริสุทธิ์ วิหารหลวงพ่อโต (Daibutsuden Hall)  มาตอนเช้าไม่ค่อยมีคน บางมุมจึงสงบเงียบดีจัง เดินดูศิลปะ งานศาสนา งดงามจริง ชอบ ชอบ  



ภายในจะมีเสาอยู่ต้นนึง ซึ่งจะมีรูอยู่ที่โคนเสา เชื่อกันว่า ถ้าใครสามารถลอดรูเสาต้นนี้ได้คำอธิษฐานจะเป็นจริง  มีคนบอกว่ากว้างเท่ากับความกว้างของรูจมูก แต่เราไม่กล้ากลัวรอดไม่ผ่าน ขอดู ขอถ่ายรูปเฉย ๆ ก็แล้วกัน 









เดินออกมาจากวัดพระใหญ่ก็เดินขึ้นสำรวจ เลี้ยวซ้ายผ่านถนนตัดขึ้นไปบนเขา เดินออกนอกเส้นทางซักหน่อยตัดสนาม เจอขี้กวางเพียงเม็ดดำ ๆ เต็มไปหมดใต้ต้นไม้ ด้านบน กวางนี่มีอยู่ทุกที่ 





เจอฝาท่อก็ถ่ายไว้ เค้าบอกว่าแต่ละเมืองเค้าจะมีลายฝาท่อไม่เหมือนกัน เท่าที่สังเกตุก็จริงตามเค้าว่า 
ผ่านอาคารไม้ที่เข้าใจว่าเค้าไม่ได้ใช้ตะปูในการก่อสร้าง เห็นเอาไม้มาขัด ๆ กันแปลกดี เป็นความรู้เลยนะแต่ก็ไม่เข้าใจกรรมวิธีอยู่ดี 


เดินออกมาหน่อยก็เจอที่ที่อยากมา Todaiji Temple Nigatsudo Hall  ที่เค้าใช้สถานที่นี้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมศาสนา เพื่อขับไล่ความชั่วร้าย ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ




มองลงมาตรงบริเวณลานมันดูกว้างใหญ่ดี คิดถึงพิธีกรรมที่เราเคยเห็นใน Youtube บริเวณนี้เองก็รู้สึก
ตรงนี้แหล่ะใช่เลย ใช่เลย  เดินดูด้านบน เห็นช่องหน้าต่าง แอบส่องแอบไปถ่าย นักบวชวัดนี้คงไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่เพราะคนเยอะ เดินไปเดินมา 





เจอโคมไฟสีขาว ศิลปะศาสนาเค้าสวยดี  เดินสวนลงมาด้านล่างเห็นนักเรียนน้อยเรียงเข้าแถวเตรียมพร้อมที่จะเดินขึ้นมาชมโดยมีครูคอยจัดระเบียบ พระวิทยากรมายืนต้อนรับ






เดินสวนกับคนญี่ปุ่นลงบันไดมา เราเดินผ่านพระที่กำลังสนทนาอยู่กับญาติ  ไม่ค่อยแตกต่างจากไทยนะคือยกมือพนมตอนที่คุยกับพระเหมือนกัน 



ลงมาด้านล่างผ่านถนนเส้นเล็ก ๆ ผ่านแม่น้ำ ผ่านอาคาร บ้านเรือน มุมนี้งามนี้เหมือนเป็นบ้านที่ติดอยู่กับวัดเลย 


เดินออกมาขึ้นไปทางระฆังใหญ่ข้างร้านขายโดโซะ มีกวางแม่ลูกจ้องมองเราเขม็ง ด้านในไม่ค่อยมีกวางตัวอื่น ๆ นาน ๆ จะมีคนหลงเดินมาทางนี้ที แต่สองตัวนี้ก็ดูสะอาดขนเรียบกว่ากวางตัวอื่น ๆ ที่รวมกันอยู่เป็นฝูงใหญ่


เดินออกมาด้านนอกอยากกินมันเผา ซึ่งคนขายก็เขียนระบุไว้ราคาไซด์ L M S  เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าอยากกิน เมื่อเราแสดงความจำนงค์ คนขายเค้าก็เอามันมาผ่าแฉลบเฉียง ให้เราแกะมันง่าย ๆ   เราสองคนพากันเดินเลี่ยงมานั่งแกะมันกันริมน้ำ ที่มีแม่ลูกนั่งอยุ่  มีกวางรุมอยู่สามตัว  เด็กน้อยร้องไห้จ้า เพราะกวางตัวหนึ่งพยายามเข้ามาหาแล้วดึงเสื้อ แม่เด็กพยายามกันเจ้ากวางออก สุดท้ายก็ต้องเก็บของอุ้มเด็กใส่รถเข็นแล้วจากไป 



เจ้ากวางเริ่มแบนเข็มมาที่เราที่กำลังแกะกินมันอย่างสนุก อากาศเย็น ๆ มันอุ่น ๆ นี่มันดีนะ  ที่รักของเรายื่นเศษมันให้เจ้ากวาง มันติดใจตามไล่จะเอาอีก  เปลือกมันที่เราแกะกองคิดว่ามันคงกินได้ก็ให้มัน สุดท้ายส่วนของเราที่กินไม่ทันก็เลยต้องให้เจ้ากวางจนหมด ส่งยิ้มให้กวางแล้วก็โบกมือว่าไม่มีแล้ว มันยืนมองตาแป๋ว เราเดินออกมาจากที่นั่งริมน้ำ มีกวางมองตามอยู่ข้างหลัง เหมือนส่งแล้วบอกว่ากลับมาใหม่นะ 


วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว ฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ (Fushimi Inari Taisha)


เช้าถึงเกียวโต วางแผนไปเที่ยวชมเสาโทริอิ ที่ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว ซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต 


เข้าไปที่สถานีเกียวโตเพื่อไปลงที่สถานี Inari หาที่ฝากกระเป๋ายากมาก ไม่มีที่ฝากนอกสถานี แล้วเนื่องจากขากลับจะต้องนั่งรถไฟย้อนกลับไปที่เกียวโต สถานีเหมือนว่าขาไปกะขากลับไม่เชื่อมถึงกัน เลยต้องเดินเอากระเป๋าไปไว้ที่ตู้เก็บของฝั่งกลับ  เมื่อเดินเข้าไปแล้วเดินออกมาที่เดิมที่กั้นส่งเสียงเมื่อกลับออกมา แต่ก็ไม่มีการตัดเงิน  ถือว่าระบบการเช็คตั๋วดีทีเดียว 

ระบบการผ่านรถไฟฟ้ากระเป๋าใหญ่ไม่ต้องกลัว ที่กั้นของเค้าเป็นพลาสติก ถึงแม้จะส่งเสียงดังถ้าเราเข้าผิด เค้าไม่ปิดที่กั้นจนกระทุ้งท้องจนจุกเหมือนที่เคยโดนสมัยขึ้นรถไฟฟ้าบ้านเราใหม่ ๆ 




 เนื่องจากมาเช้า ถนนหนทางก็ยังว่าง ทางเข้ายังไม่มีคนมากนัก แต่พอตอนเราลงมาคนเยอะมากที่หน้าลานศาลเจ้า แบบนี้ซิดีชอบที่คนน้อย ๆ เราจะได้ถ่ายรูปสะดวกไม่มีคนมาแย่งมุมดีมุมสวยของเรา

ศาลเจ้าทาด้วยสีแดงประดับสีทอง ดูงดงามจัง ทึ่งกับเสาไม้มากมายที่เค้านำมาตั้งไว้


เจ้าหน้าที่กำลังตั้งโต๊ะให้บริการ นักบวชเดินไปมาน่าดู มีคนพาหมามาวิ่งด้วย แต่เจ้าถิ่นที่นี่น่าจะเป็นแมว ไปหลายจุดจะมีแมววิ่งออกมาให้เราถ่ายรูปอยู่บ่อย ๆ  



ที่นี่มีเสาโทริอิ (Torii) เป็นสัญลักษณ์บอกแก่ผุ้มาเยือนว่าจากนี้จะเข้าสู่ดินแดนศักสิทธิ์ 
ก่อนเข้าศาลเจ้า ต้องล้างมือล้างปากตามธรรมเนียม


 เป็นเสาบางต้นถูกขุดออกไม้ บางต้นก็กร่อนแล้ว เห็นเหมือนมีอะไรมาแทะเสาไม้ ข้างในเป็นไม้ หมดเลย ไม่รู้ว่าเค้ามีกรรมวิธีอย่างไรถึงทำให้ไม้กลายเป็นเสากลมบ๊อกขนาดนี้



ถ่ายรูปเป็นที่ระรึก ว่าเคยมาแล้วนะ ที่นี่ศาลเจ้าเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว 


ข้างทางมีผลไม้ ไม้ประดับ ดอกไม้สวยงาม เส้นทาง ก็ขึ้นบ้างลงบ้าง ส่วนใหญ่จะขึ้น มีคนที่มาก่อนเราเดินอยู่ข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง เดินซักแป๊บพวกเค้่าก็หายไป ดีนะที่มากันสองคน มาคนเดียวนี่กลัวว่าจะไม่ได้ขึ้นเพราะกลัว เพราะมันดูวังเวงอยู่นะ 





เดินไปมีแมวเยี้ยงย่างออกมาเก็กท่าให้เราถ่ายรูป แล้วก็มีแมวอีกตัวเดินลัดเลาะมาแกล้งเจ้าตัวแรก เหมือนมันหยอกล้อกันนะ แล้วก็พากันเดินหายไป 


ชอบผักกาดสีม่วงกะสีขาวจัง ไม่รู้ว่าเค้าปลูกเพื่อเอาเคล็ดอะไรหรือป่าวเพราะจะเห็นบ่อยที่ญุุ่นที่เค้าจะปลูกไว้ด้วยกัน 


เดินไปผ่านดอกไม้ ต้นไม้ ทุกที่ก็ยังหนาว เดินจนแสบจมูก ไม่รู้ว่าเพราะเราเดินสูงขึ้นหรือเพราะอากาศมันเย็น เข้าใจเลยว่าทำไมคนญี่ปุ่นชอบใช้ผ้าปิดจมูก



เราเดินกันจนมาถึงจุดสูงสุดก็เดินต่อถนนพาเราไปจุดเดิมโดยไม่ต้องเดินย้อนกลับ 


คนใส่เกี๊ยะเดินเกี่ยะเก่งมาก เดินฉับ ๆ แบบไม่กลัวล้มเลย เราบู๊ทยังไม่กล้วเดินเร็ว แสดงว่าเค้าชำนาญมาก

ที่นี่น่าจะมีการบูรณะช่อมแซมเสากันบ่อย ๆ นี่ไงหลักฐานช่วยกันหิ้วช่วยกันแบก ศาลเจ้าจะเป็นศาลเจ้าได้ก็ต้องมีผู้เสียส่ละแบบนี้หล่ะ 


ลงมาข้างล่างเริ่มหิว เลยได้กินโทโก๊ะยากิ แป้งอร่อยกับปลาหมึกชิ้นใหญ่ ลวกปากดีจริง ๆ ไม่รู้เพราะโทโก๊ะยากินี่ด้วยหรือป่าวที่ทำให้เราเป็นร้อนใน  เที่ยวสนุกกินอร่อย ทีนี้ก็ถึงเวลาเดินทางไปนาราดูกวาง เที่ยววัดพระใหญ่ละ ^ ^ 

ชินจุกุ Shinjuku - ชิบูยะ Shibuya

คืนนี้จองรถ Hightway Bus เพื่อเดินทางต่อไปยังเกียวโต  มีเวลาเยอะเพราะเปลี่ยนแผนวันนี้จากเที่ยวแถว Hakone  ก็รีบกลับเมืองมาเพราะกลัวฝน ไปหาอะไรกินแถวชิบูยะ น่าจะดีกว่าเพราะน่าจะมีที่หลบฝนเยอะ 


เดินหารูปปั้นหมาฮาจิโก๊ะ ก็หาไม่เจอ เดินเรื่อยเปี่อยเข้าตึกหมาฮาจิโก๊ะ ได้ข้าวกล่องมาไว้คืนนี้แต่ก็ไปเจอร้านซูชิจานหมุน  ได้ชิมซุบหอย ข้าวปั้นหลายหน้า อร่อยมาก


ตอนแรกเข้าไปในร้าน ก็ตกลงกับที่รักว่าจะเอาชุดนี้ ปรากฎว่าที่เราเลือกคือเป็นแบบกลับบ้านเค้ารู้ว่าเราจะทานนี่เพราะเราเดินไปนั่งที่โต๊ะ มีคนมารุมเราอยู่ 3 คนคือ คนคิดตัง คนบริการ และ เชฟทำอาหาร 
เราก็ภาษาอังกฤษง่อย บอกว่าเอาตามเมนูสามแถวนี้ เค้าก็ทำมาให้ยกมาให้หลายจาน  สรุปงานนี้ก็อิ่มอร่อยกันไปแบบงง งง ^ ^ 



พอซื้อของกินตุนเสร็จ ทานอาหารเสร็จก็กลับมาที่สถานี Shinjuku เดินลัดเลาะ เข้าออก เจอนักบวช ที่รักเราก็แชะ แช๊ะใหญ่เลย นักบวชหันมาเห็นก็เอาป้ายภาษาอังกฤษออกมา บอกว่า No Photo  ไม่ทันละ เราพากันเดินลัดเลาะ เจองานแสดงศิลปะก็ชื่นชมมีความสุขกันไป เตรียมตัวออกเดินทาง ไปเกียวโตคืนนี้